นายเอ็มเมอร์สัน มนังกากวา เลือกคนสำคัญในกองทัพเข้ามาร่วมในคณะรัฐมนตรี

"ทรยศต่อความหวังของประชาชน"

แอนดรูว ฮาร์ดิง ผู้สื่อข่าวแอฟริกา บีบีซี

การตั้งรัฐบาลคราวนี้ ไม่ได้ต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง พันธมิตรเก่าแก่ของนายมูกาเบบางส่วนถูกกำจัด แต่รัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งมายาวนาน และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หลายคนได้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ บางคนเรียกว่านี่คือ เสถียรภาพ แต่หลายคนเห็นว่าเป็นโอกาสที่ปล่อยให้หลุดไป

นักการเมืองฝ่ายค้านหลายคนประณามคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่าเป็นผู้ทรยศต่อความหวังของประชาชน และเป็นการพิสูจน์ว่ากองทัพซึ่งมีอำนาจมากภายใต้สมัยของนายมูกาเบ ยังคงเป็นผู้ควบคุมประเทศอยู่

บรรยากาศของการสมานฉันท์และความสามัคคีที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คาดว่าจะเปลี่ยนเป็นบรรยากาศของการแก่งแย่งอำนาจกันตามที่ผู้คนคุ้นเคยในช่วงการเลือกตั้งปีหน้า

นอกจากประธานาธิบดีคนใหม่ได้เลือกที่จะเก็บอดีตรัฐมนตรีในสมัยของมูกาเบไว้หลายคนแล้ว นายมนังกากวายังได้มอบตำแหน่งตอบแทนให้แก่ผู้นำทหารหลายคน ซึ่งสนับสนุนเขาก่อนหน้านี้

นอกจากนายโมโย และนายเชียรีแล้ว ผู้นำสมาคมทหารผ่านศึกที่มีทรงอำนาจหลายนาย ซึ่งได้ผลักดันให้นายมูกาเบก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากที่หทารเข้าแทรกแซง ก็ได้เข้าร่วมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้วย

นายคริส มุตชังกวา ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม ได้บริหารกระทรวงข้อมูลข่าวสาร

การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ทำให้ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่าง เทนได บีทิ ระบุว่า ชาวซิมบับเว "เข้าใจผิด" ที่หวังว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น

เขากล่าวว่า "จนถึงตอนนี้ เราคิดในแง่ดีว่าการพยายามยึดอำนาจอาจจะทำให้เกิดผลดีขึ้น เราคิดเช่นนั้นจากใจจริง หรือบางทีอาจจะเป็นความไร้เดียงสา ที่คิดว่า ประเทศจะเดินหน้าไปได้จริง ๆ เราปรารถนาการเปลี่ยนแปลง สันติภาพและเสถียรภาพในประเทศของเรา เราคิดผิด"

เทรเวอร์ นูเบ เจ้าของหนังสือพิมพ์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ "น่าผิดหวังมาก"

เขากล่าวว่า "ส่วนใหญ่คนเดิมที่สร้างวิกฤตได้กลับเข้ามาใหม่ ช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ได้จบลงแล้ว และความเป็นจริงกำลังปรากฏ สิ่งที่เขาห่วงดูเหมือนจะเป็นการตอบแทนผู้ที่ทำให้เขาขึ้นมามีอำนาจและเอกภาพของพรรคซานู-พีเอฟ"

เพเรนซ์ เชียรี เป็นบุคคลที่นำปฏิบัติการทหารต่อต้านศัตรูของนายมูกาเบในมาตาบีลีแลนด์ในช่วงต้นทศวรรษ 1980
ปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้มีการสังหารพลเรือนราว 20,000 คน