กรมขนส่ง รอผลชัดหนุ่มพุ่งชนเละกลางเมือง ป่วยลมชักจริงยึดใบขับขี่แน่นอน
December 04, 2017จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า รถต้นเหตุเป็นรถเลขทะเบียน ผค-43 ชบ. ลักษณะ กระบะบรรทุก สิ้นอายุภาษี 04ธ.ค. 2560 โดยมีนางทองใส อุดมรัตน์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ส่วนผู้ขับรถยนต์กระบะบรรทุกคันดังกล่าวชื่อนายอัครเดช อุดมรัตน์ มีใบอนุญาตขับรถ แบบตลอดชีพ เลขที่ 56000080

นายสนิท กล่าวว่า เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่าขณะเกิดเหตุผู้ขับขี่อาจจะมีอาการโรคลมชักกำเริบ ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ เพราะจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้ออ้างเรื่องโรคลมชักนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาหลักฐาน ซึ่งจะต้องรอก่อนยังสรุปไม่ได้
“หากภายหลังแพทย์พิสูจน์ทราบและ มีหลักฐานว่าผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวเป็นโรคลมชัก จริงกรมจะทำการเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที เพราะเป็นบุคคลที่มีสภาพร่างกายไม่พร้อมในการ ขับขี่”
นายสนิทกล่าวต่อถึงกรณีที่หลายฝ่ายสงสัยว่า นายอัครเดช ได้ใบขับขี่มาได้อย่างไร หากเป็นโรคลมชักนั้น ขอชี้แจงว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นนายอัครเดชถือใบขับขี่ตลอดชีพ ซึ่งเป็นใบขับขี่ที่ได้รับมานานแล้วตั้งแต่ที่กรมไม่ได้ยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพ อาจทำให้เกิดช่องว่างในการเข้าไปตรวจสอบประวัติสุขภาพได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรม ได้ประกาศยกเลิกการให้ใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพกับบุคคลทั่วไปแล้ว โดยใช้ระบบใบขับขี่ชั่วคราวแทน
รวมทั้งอยู่ระหว่างหารือกับแพทย์สภา เพื่อปรับปรุงมาตรฐานใบรับรองแพทย์ที่นำมายื่นประกอบการขอใบอนุญาติขับขี่ให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งมีแนวคิดร่วมกันว่าจะต้องมีการจัดทำแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์มาตรฐานขึ้นมาให้เป็นรูปแบบเดียวกัน โดยอาจจะมีการกำหนดกลุ่มโรคที่มีความเสี่ยงหรือมีอันตรายต่อการขับขี่ในแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์ เช่น โรคติดต่อร้ายแรง และโรคลมชักเป็นต้น โดยหากแพทย์วินิจฉัยว่าบุคคลใดเข้าข่ายเป็นโรคต้องห้าม หรือมีความเสี่ยงแพทย์จะวินิฉฉัยว่าไม่เหมาะสมที่จะขับขี่รถ ซึ่งกรมจะไม่พิจารณาออกใบอนุญาตขับขี่ให้
“กรมหารือกับ แพทยสภามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เรื่องแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์มาตรฐาน ที่จะห้ามไม่ให้คนที่อยู่ในกลุ่มโรคที่เสี่ยงรวมทั้งลมชักมาขับรถ จึงยังไม่ได้บังคับเป็นกฎหมาย หรือห้าม ซึ่งปัจจุบัน ใช้เพียงใบรับรองแพทย์เท่านั้น ในการยื่นประกอบขอใบขับขี่ หากแพทย์เขียนความเห็นว่าบุคคลนั้นมีสภาพปกติ สามารถขับรถได้ กรมก็จะออกใบขับขี่ให้ เพราะกรมต้องยึดตามใบรับรองแพทย์”
นายสนิท กล่าวว่า สำหรับกรณีชายสูงวัยที่เชียงใหม่ใช้ไม้เท้าฟาดกระจกรถคันอื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระจกบาดนั้น สามารถเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ได้เช่นเดียวกัน แต่โทษที่น่าจะหนักกว่าการถอนใบอนุญาตคงเป็นเรื่องของคดีความทางอาญาที่ชายคนดังกล่าวจะได้รับมากกว่า

0 comments